หนีดอยร้อน ๆ แล้วมาแอ่ว “ทะเล” รับลมเย็น ๆ กันเถอะ

ถ้าพูดถึงทะเล ทะเลในประเทศไทยมีหลายที่มาก ๆ และมีความสวยงามไม่แพ้ต่างประเทศ ทะเลของประเทศไทยจะมีอยู่สองฝั่งคือ ฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน แต่ทั้งสองฝั่งนี้ต่างก็มีความสวยงามและมีเสน่ห์ของมัน ทะเลในประเทศไทยของเราสวยจริง ๆ ไม่ได้โม้ ข้อมูลนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศหรือแม้กระทั่งคนไทยด้วยกันเอง ก็หมุนเวียนมาเที่ยวกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การได้มาเห็นผืนน้ำกว้างที่ยาวสุดลูกหูลูกตา และสีฟ้าคราม สีเขียวมิ้นท์ ของน้ำทะเล มันก็รู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายแล้ว

เที่ยวทะเลดีต่อใจอย่างไร? แล้วจะได้อะไรกลับมาจากการเที่ยวทะเลบ้าง ?

นอกจากเราจะได้ไปเห็นน้ำใส ๆ สีสวย ๆ ของทะเลแล้ว การเที่ยวทะเลเพียงแค่หนึ่งวัน นอกจากระหว่างเดินทาง เราจะได้สนุกกับเกมบนมือถือที่ลุ้นเงินจริงได้จาก Fun88 Thai แล้ว เมื่อไปถึงที่หมาย เราจะได้สัมผัสบรรยากาศหลากหลาย ได้มีประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับชีวิต และ 5 ข้อ ที่ทะเลจะให้สิ่งดี ๆ กับเรา ก็คือ

1. เมื่อได้มาทะเล เราได้ลิ้มรสอาหารทะเลสด ๆ ที่มีราคาถูก และได้ปริมาณเยอะกว่าที่เราเคยไปทานในพื้นที่ที่ไม่ได้ติดทะเล ถึงปัจจุบันจะมีบริการเดลิเวอรี่ หรืออาหารทะเลแช่แข็ง ที่บรรดาผู้ขายต่างก็โฆษณาว่าเทียบเท่าของสด และสามารถเก็บไว้ได้นานก็ตาม ของสดก็คือของสด ไม่มีทางที่จะเหมือนกันอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น การได้มากินอาหารทะเลสด ๆ พร้อมกับการเที่ยวทะเลนั้น ได้ทั้งคุณภาพและปริมาณจริง ๆ

2. ได้วิตามินและแร่ธาตุ ในข้อมูลทางวิชาการได้วิจัยแล้วว่าน้ำทะเลเค็ม ๆ เนี่ย เต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายจำเป็นและต้องการนำไปใช้ เราไม่ต้องเสียเงินแพง ๆ ไปเข้าสปา สถาบันความงาม ไม่ต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมงเพื่อพอกผิว แค่เราวิ่งเข้าหาทะเล แล้วแช่ตัว เล่นน้ำอย่างสนุกสนาน วิตามินและแร่ธาตุจากน้ำทะเล ก็จะซึมเข้าสู่ผิว มาเที่ยวทะเลครั้งนี้เหมือนได้โชคสองชั้น คือ ได้ทั้งความสนุกและได้สปาผิวแบบออนเซ็น (น้ำทะเล) คุ้มมั้ยละ

3. โชคชั้น 3 คือ ทรายทะเล เข้าใจไม่ผิดหรอก ทรายทะเลที่เราเหยียบ ๆ กันนี่แหล่ะ เราสามารถใช้ทรายขัดผิวได้ คล้าย ๆ กับการสปาผิวเหมือนกัน เนื่องจากเมื่อระดับน้ำทะเลลดลงต่ำ หรือน้ำขึ้นสูง คลื่นทะเลที่พัดพาน้ำเข้าฝั่ง ก็ย่อมพัดทรายทะเลลงน้ำทะเล ขึ้นลงตามลงไปด้วย ฉะนั้นเม็ดทรายก็ได้มีวิตามินและแร่ธาตุแทรกซึมอยู่เช่นกัน ระหว่างที่เราเล่นน้ำทะเล แล้วนั่งพักยังไม่อยากลุกไปไหน ก็ลองเอาเม็ดทรายมาขัดเบา ๆ วนตามร่างกายได้เหมือนกันน๊า

4. ได้ดูวิวสวย ๆ ได้ภาพเริ่ด ๆ กลับไป ข้อนี้เอาใจคนรักการถ่ายภาพ เพราะทะเลในแต่ละช่วงเวลาจะไม่เหมือนกัน ตอนเช้า ๆ น้ำทะเลจะขึ้นสูง ยิ่งคลื่นแรง น้ำก็ยิ่งกระทบเข้าฝั่งมากกว่าเดิม พร้อมกับแสงแดดอ่อน ๆ ในยามเช้า ให้เราได้สูดเอาไอน้ำทะเลพร้อมกับอากาศที่เย็นสบายในตอนเช้า พอเที่ยงแดดก็จะจ้า พระอาทิตย์จะส่องแสงเต็ม เราก็จะได้ภาพอีกโหมดหนึ่ง แต่พอตกเย็น หากทะเลอยู่ทิศเดียวกันกับทิศตะวันตก เราก็จะได้มองดูพระอาทิตย์ตกเย็น แสงสีแสดที่ปลายขอบฟ้าจรดน้ำทะเล เป็นภาพที่ช่างภาพทุกคนต้องกดชัตเตอร์เก็บรูปนี้เก็บไว้ พระอาทิตย์ตกดินมีความสวยงามอยู่แล้ว แต่เมื่อได้มองพระอาทิตย์ตกทะเล ก็เหมือนกับถูกต้องมนต์ ไม่ว่าใครก็ต้องหยุดนิ่งมอง

5. ได้สมาธิ ได้ผ่อนคลาย บางครั้งการได้เดินเล่นเงียบ ๆ คนเดียว ตามริมชายหาด ถอดรองเท้าเดิน ได้เท้าของเราสัมผัสกับน้ำเย็น ๆ ของทะเล มันก็รู้สึกดีไปอีกแบบ การได้นั่งหลับตาคิดอะไรเงียบ ๆ แล้วฟังเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งไปมา ก็เปรียบได้กับการพักผ่อน การชาร์ตพลังให้ร่างกาย แล้วหลังจากจบทริปท่องเที่ยวทะเล ก็อาจจะรู้สึกคิดถึงแล้วอยากจะมาอีกเรื่อย ๆ

สำหรับสิ่งดี ๆ 5 ข้อ ที่เราได้รับจากการเที่ยวทะเลนั้น เป็นเรื่องดี๊ดีจากทะเลที่เราจะได้รับจริง ๆ ไม่มีผิดเพี้ยน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ให้คำนึงถึงความปลอดภัยในสถานที่นั้น ๆ ด้วย กลางค่ำกลางคืน อย่าไปเดินเล่นชายหาดคนเดียว หากต้องการชมบรรยากาศท้องฟ้ากลางคืนของทะเล หรือถ่ายภาพวิวกลางคืนควรจะหาเพื่อนไปด้วยสักสองสามคน และหากทำตามข้อ 2 และ 3 ควรจะอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดและทาครีมบำรุงผิวตามทุกครั้ง สุดท้ายนี้ที่สำคัญ ช่วยกันดูแลความสะอาดของสถานที่กันด้วยนะจ๊ะ

จ้องมองแต่ทะเล ขึ้นเหนือมาสนใจ(ภู)เขา บ้างก็ได้นะ

พื้นที่สูง หรือที่เรียกกันว่า ขุนเขา ภูเขา เกิดจากดินทับถมกันหลาย ๆ ชั้น มีความอุดมสมบูรณ์ของตัวมันเอง และเกิดจุลินทรีย์ แร่ธาตุ เกิดเป็นต้นไม้ เป็นพืชที่ทั้งทานได้และมีพิษ เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า พื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในโซนของทางภาคเหนือ ซึ่งคนเหนือเองจะคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ ภูเขา ยกเว้นประชากรที่อาศัยอยู่แถบชานเมือง และปัจจุบันก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในหลาย ๆ แห่ง ที่ดึงดูดผู้คนจากทุกทิศทาง แม้กระทั่งคนเหนือเองก็ตาม ที่อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศบนพื้นที่สูง ไปสูดอากาศเย็น ๆ ใกล้ชิดกับก้อนเมฆ และมองดูวิวทิวทัศน์ข้างล่าง ว่ามันสวยงามเพียงใด

เสน่ห์ของภูเขา

การท่องเที่ยวไปกับภูเขา ก็เป็นการท้าทายอย่างหนึ่ง เพราะเราต้องขึ้นที่สูง แถมอุณหภูมิบนภูเขาก็มีความเย็นกว่าข้างล่าง ยิ่งช่วงหน้าหนาวแล้วไม่ต้องพูดถึง ปากสั่นกันเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวที่อยู่ในภูมิภาคที่อากาศอบอุ่นหรือทางภาคใต้ จะไม่ค่อยคุ้นชินกับอากาศหนาว ๆ ทางภาคเหนือกันสักเท่าไร แต่ไม่ว่าจะหนาวสักแค่ไหน ไม่ว่าจะสูงสักแค่ไหน ก็จะไปถึง วัดได้หากใจถึง และนี้แหล่ะมันก็คือเสน่ห์ของภูเขา ที่ไม่ว่าจะอากาศหนาว หรือสูงกว่าระดับน้ำทะเลสักแค่ไหน มันมีความน่าค้นหา และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสชั้นบรรยากาศที่เย็นเฉียบ ยอมที่จะนอนกางเต็นท์ตากหมอกที่เปียกชุ่มเต็นท์ตลอดทั้งคืน ยอมที่จะตื่นเช้า ๆ สู้ทนกับอากาศหนาว หรือแม้กระทั่งรู้ว่าตัวเองจะต้องเป็นหวัดเพราะเจอกับอากาศเย็นก็ตาม ก็ยังจะต้องตื่นเช้า ๆ มาดูหมอก ดูพระอาทิตย์ขึ้น ดูไอน้ำที่เกาะตามยอดหญ้า ต้นไม้ สูดลมหายใยที่เย็น ๆ เข้าปอด เพื่อที่สักครั้งหนึ่ง ให้มันเป็นความทรงจำและความประทับใจ ว่าฉัน ได้มา ณ สถานที่แห่งนี้แล้ว

องครักษ์พิทักษ์ภูเขา

ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่หมายถึงเจ้าหน้าที่และหัวหน้าอุทยาน ในสถานที่ท่องเที่ยวในทุก ๆ ที่ จะเป็นเขตพื้นที่ของอุทยาน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัย และความเรียบร้อยในสถานที่นั้น ๆ เราจึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและการดูแลของเจ้าหน้าที่ ที่จะอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำ และสิ่งที่สำคัญก็คือ ตัวเรา ในฐานะนักท่องเที่ยว หากได้มีโอกาสไปเที่ยวสถานที่พื้นที่สูง อุทยาน หรือภูเขา ก็ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ในสถานที่นั้น ๆ และเคารพในระเบียบ ข้อตกลง และรักษาความสะอาด ในสถานที่ที่เราไป เพราะนักท่องเที่ยวท่านอื่น ๆ ที่มาเที่ยว หลังจากที่เราไป ก็จะได้รับความสุขและความประทับใจในทริปครั้งนี้ เช่นเดียวกันกับเรานั่นเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ สีเขียวของต้นไม้ ช่วยปรับระดับแสงในการมองเห็นในสายตาของเรา นอกจากการมาเที่ยวภูเขาแล้ว เรายังจะได้รับการผ่อนคลายสายตาได้อีกด้วย

อย่าคิดว่าตัวเองเหนือกว่าใคร ถ้ายังไม่ได้ไป “เชียงราย”

จังหวัดเชียงราย เป็นจังหวัดเล็ก ๆ ที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย และเป็นจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างประเทศพม่าและประเทศลาว เต็มไปด้วยธรรมชาติและมีวัฒนธรรมหลากหลาย เนื่องจากมีพื้นที่ทั้งที่เป็นพื้นที่สูงและพื้นที่ราบ จึงมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอาศัยรวมปะปนอยู่ในจังหวัด อีกทั้งเพราะเป็นจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงมีการติดต่อสื่อสาร การค้าขาย การคมนาคม ร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้านมาอย่างยาวนาน

เที่ยววันเดียวก็ไม่ทั่ว “เชียงราย” สถานที่มากมายน่าลุยไปหมด

แม้ว่าจังหวัดเชียงราย จะมีความเป็นพื้นบ้านและชนบทเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อและน่าไปเยี่ยมอยู่หลายสถานที่ สถานที่ท่องเที่ยวที่เด่น ๆ และมีความเป็นศิลปะ วัฒนธรรม ก็เห็นจะเป็น วัดร่องขุ่น พิพิธภัณฑ์บ้านดำ วัดพระแก้ว สามเหลี่ยมทองคำ วัดร่องเสือเต้น วัดห้วยปลากั้ง และไร่เชิงตะวัน ก่อตั้งโดยพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ท่านว.วชิรเมธี) ซึ่งสถานที่ที่กล่าวมานี้ จะมีเอกลักษณ์เฉพาะต่างกันออกไป มีความน่าสนใจไม่เหมือนกัน ถึงจะเป็นสถานที่ทางศาสนาเหมือนกันก็ตาม

ใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง อยากมาสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ จังหวัดเชียงรายก็มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติเช่นกัน อย่างเช่น บนดอยแม่สลอง ที่ขึ้นชื่อเรื่อง “ชา” และเป็นแหล่งการเพาะปลูกใบชาชื่อดัง สถานที่นี้คือ ไร่ชาฉุยฟง ด้วยพื้นที่การปลูกชา กว่า 500 ไร่ เราจะมองเห็นไร่ชาที่กว้างใหญ่ และมีบริการให้นักท่องเที่ยว เข้าไปถ่ายรูปในไร่ชา ได้กลิ่นหอมของยอดชาหอมอ่อน ๆ แตะจมูกอีกด้วย และที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็คือ มีบริการคาเฟ่ ร้านกาแฟอยู่บนนั้นด้วย เมนูหลักของทางร้านก็คือ ชาเขียว และชีสเค้กชาเขียว ที่ไม่ว่าใครได้ลองมาชิม ก็ต้องติดใจอย่างแน่นอน เพราะการันตีจากปากต่อปากว่าอร่อยมาก ๆ เนื่องจากเมนูของทางร้าน ก็มาจากไร่ชาที่เราไปถ่ายรูปกันนั่นแหล่ะ ทั้งสดทั้งใหม่ และไม่มีกั๊กคุณภาพและปริมาณ สมราคา คุ้มค่ากับการได้มาจิบชานั่งดูไร่ชาไปพร้อม ๆ กัน

นอกจากนี้ ใครที่เป็นคอกาแฟ สายชิลชอบนั่งร้านคาเฟ่ ปัจจุบันก็เริ่มมีการเปิดร้านคาเฟ่หลาย ๆ ร้าน มีการตกแต่งดึงดูดลูกค้า มีทั้งสไตล์การจัดร้านแบบธรรมชาติ สไตล์ญี่ปุ่น  มินิมอล หรือ สไตล์อังกฤษ ฝรั่งเศส ใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูปในร้านกาแฟ จะต้องไม่พลาด ได้รูปสวย ๆ กลับไปแน่นอน

น้ำเงี้ยวเข้มข้น ต้องน้ำเงี้ยวเชียงราย

ขนมจีนน้ำเงี้ยว เป็นอาหารที่มีอยู่ทั่วไปตามจังหวัดในภาคเหนือ อาจจะดูว่าปกติหาซื้อทานที่ไหนก็ได้ แต่ขนมจีนน้ำเงี้ยวของเชียงราย จะมีความเข้มข้นกว่า จะเห็นได้จากร้านขนมจีนบางร้าน ก็ระบุว่า น้ำเงี้ยวเชียงราย หรือมีพริกแกงน้ำเงี้ยวเชียงราย โดยเฉพาะแพ็คขายส่งออกต่างจังหวัด แต่ก็ไม่ได้มีเพียงแค่เจ้าเดียวที่ทำพริกแกงน้ำเงี้ยวขาย เราอาจจะเจอพริกแกงน้ำเงี้ยวจากต่างหลาย ๆ ที่ แต่พริกแกงน้ำเงี้ยวเชียงราย จะเป็นตัวเลือกแรกเสมอที่มีคนเลือกซื้อกัน

สำหรับการเดินทางไปจังหวัดเชียงราย เดินทางได้ง่าย ๆ เพราะมีทั้งรถโดยสาร รถทัวร์ รถตู้ หรือเครื่องบิน คอยให้บริการ หรือหากจะขับรถส่วนตัวมาเอง ก็เดินทางได้สะดวกเช่นกัน เพราะเส้นทางการเดินทางมาจังหวัดเชียงราย ไม่ยุ่งยากและลำบาก จะช้าจะเร็วก็อยู่ที่เราเลือก ส่วนใครที่ไม่ได้นำรถส่วนตัวเดินทางมาเอง ก็มีบริการรถนำเที่ยว รถเช่าไว้บริการอยู่หลายแห่ง หมดความกังวลเรื่องการเดินทางมาได้เลย เตรียมเงินกับใจให้พร้อมแค่นั้นเอง

สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ตัวเอง ด้วยการเที่ยวเพลินฟิน ๆ ไปกับ “รถบ้าน”

โดยปกติถ้าเราไปท่องเที่ยวกัน ก็จะอาศัยการใช้รถยนต์ส่วนตัว บริการรถทัวร์ หรือการเดินทางโดยเครื่องบิน แต่มันจะมีข้อแม้และเงื่อนไขของเรื่องจุกจิก เช่น การแบกสัมภาระที่มีความเยอะและหนัก การตรงต่อเวลาในการเดินทาง หรือการเข้าที่พักโรงแรม การเช็คของใช้ส่วนตัว แม้ว่าจะไม่ใช่ปัญหาหรือเรื่องใหญ่สำหรับบางคน แต่ก็สำหรับบางคนที่สายชิล ก็อาจทำให้เบื่อหน่ายได้

คุณสมบัติของ “รถบ้าน”

หลาย ๆ คน คงเคยได้เห็นรถบ้านในภาพยนตร์หรือซีรี่ย์ต่างประเทศ และพอจะทราบข้อมูลมาบ้าง ว่ารถบ้านหน้าตาเป็นลักษณะเป็นอย่างไร รถบ้านก็เปรียบเสมือนกับบ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่ง หรือเรียกว่าบ้านย่อส่วน แต่ไม่ได้มีความหมายเดียวกับบ้านน้อยนะ ซึ่งก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน คือ มีที่นอน มีชุดอุปกรณ์ทำครัว มีห้องน้ำในตัว และมีอุปกรณ์ในการนั่งรับประทานอาหารหรือพักผ่อนนอกตัวรถ ไว้สำหรับจอดเพื่อพักนั่งชมวิวทิวทัศน์ข้างนอก โดยรถบ้านจะมีหลายขนาด ถ้าเลือกรถบ้านคันใหญ่ก็จะสามารถรองรับจำนวนคนได้เพิ่มหากไปกันทั้งครอบครัว และมีพื้นที่ใช้สอยได้สะดวกเพิ่มขึ้น

สำหรับในประเทศไทย การเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถบ้านเห็นจะมีเป็นส่วนน้อยกว่าต่างประเทศ เนื่องจากว่าราคาซื้อขายรถบ้านในประเทศไทย ราคาเทียบเท่ากับบ้านหนึ่งหลัง หรือมีราคาสูงกว่านั้น ส่วนเรื่องการเช่ารถบ้านในประเทศไทยราคาต่อวันมีราคาสูงเช่นกัน และด้วยเนื่องว่าบางคนห่วงเรื่องความปลอดภัย หรือความสะดวกสบายที่มีมากกว่าเดินทางนอนอาศัยอยู่ในรถบ้าน จึงไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก แต่ที่ต่างประเทศ การเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถบ้าน จะมองเป็นเรื่องปกติ ส่วนใหญ่จะเป็นสายลุย สายชิล กันอยู่แล้ว และที่ต่างประเทศมีบริการให้เช่ารถบ้านในราคาที่ถูกกว่าประเทศไทยอยู่ด้วย พร้อมทั้งมีโซนการจอดการพักไว้ให้บริการแก่รถบ้านอย่างเป็นเรื่องเป็นราว และมีโรงชาร์ตไฟให้รถบ้านไว้บริการให้อีกด้วย

ข้อดีของการเดินทางเที่ยวด้วย “รถบ้าน”

1. ไม่ต้องห่วงเรื่องเวลา หากเราเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถบ้าน จะตัดเรื่องความกังวลเรื่องเวลาการเดินทาง เหมือนกับเราเดินทางด้วย รถทัวร์หรือเครื่องบิน ซึ่งมีเวลาตารางการออกเดินทางแน่นอน หากเราไปไม่ทันเวลา แผนการเที่ยวครั้งนี้ ก็อาจจะล่มหรือคลาดเคลื่อนไปเลย

2. ไม่ต้องเสียเวลาแพ็คกระเป๋า คนที่เคยซื้อทัวร์โปรแกรมเที่ยว ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือต่างประเทศ ก็คงได้รับประสบการณ์ในเช่นเดียวกันที่ว่า เช็คอินเข้าโรงแรมเสร็จ แกะกระเป๋าเอาของใช้ส่วนตัว พอรุ่งขึ้นอีกวัน ก็ต้องแพ็คกระเป๋าใหม่อีกครั้งเพื่อออกเดินทาง เพราะโปรแกรมทัวร์จะเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ เปลี่ยนโรงแรมด้วย ยิ่งบางคนจัดหนักจัดเต็ม ขนสัมภาระกระเป๋าหนักเกิน 7 -10 กิโลกรัมเลยก็มี ขากลับยิ่งหนักกว่าเดิมอีก เพราะของฝาก ทั้งเค้าฝากเราซื้อ และเราซื้อฝากเค้า

3. วิวมันสวย ฉันจะจอดตรงนี้! ในทริปต่างประเทศ การเดินทางเที่ยวด้วยรถบ้านนั้นคุ้มค่าสุด ๆ เพราะในต่างประเทศ แทบทุกที่ มีมุมที่สวยมาก ในระหว่างทางที่รถขับแล่นไป เห็นมุมข้างทาง สวยจนน่าเก็บภาพ ก็สามารถจอดแวะได้เลย ซึ่งความพิเศษนี้หาไม่ได้จากโปรแกรมทัวร์แน่นอน

4. ไม่ต้องกลั้นเข้าห้องน้ำ อยากดื่มน้ำก็ดื่มไปเลย อยากกินก็กินเต็มที่ ไม่ต้องคอยจิบน้ำแค่ให้พอชุ่มคอ เพราะกลัวว่าจะปวดหนักปวดเบาระหว่างทาง ในรถบ้านมีห้องน้ำส่วนตัว คลายความกังวลเรื่องนี้ไปได้เลย สำหรับคนที่เคยเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือรถทัวร์ ที่ต้องอดทนกลั้นไว้ให้รอถึงปั้ม คงทรมานและเป็นห่วงกรวยไตว่าจะอักเสบ

หากใครชอบท่องเที่ยวและการเดินทาง แนะนำว่าให้ลองหาประสบการณ์ในการเที่ยวด้วยรถบ้านสักครั้งในชีวิต มันไม่ได้ดูลำบากหรือน่ากลัวอะไร เผลอ ๆ อาจจะติดใจมีครั้งที่สองก็เป็นได้

ส่วนในประเทศไทย เคยมีคนที่ดัดแปลงรถเองให้เป็นรถบ้านขับไปเที่ยวแบบคู่รักหรือครอบครัว ซึ่งความจริงแล้วสามารถที่ทำได้ แต่ก็ขอให้ศึกษาข้อกฎหมายในเรื่องการดัดแปลงสภาพรถยนต์ด้วย ว่ามีข้อห้ามหรือข้อจำกัดอย่างไร จะได้เที่ยวแบบปลอดภัย ถูกต้อง ราบรื่นตลอดทาง

ไปช้า ๆ แต่ชัวร์ ด้วยการเดินทางเที่ยวไปกับรถไฟ ปู๊น ๆ

รถไฟเป็นระบบการขนส่งและการคมนาคมสาธารณะ โดยกิจการรถไฟของประเทศไทยนั้น ได้เริ่มเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2429 จะเห็นว่ามีการเดินทางและขนส่งด้วยรถไฟมานานแล้ว และเป็นการเดินทางด้วยพาหนะที่มีความเร็วที่สุดแล้วในสมัยนั้น ซึ่งเป็นชนิดเดียว และในต่อมาถึงได้พัฒนาเริ่มมีการเดินทางด้วยยานพาหนะโดยใช้กำลังเครื่องยนต์เข้ามา แม้ว่าปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีก้าวหน้าสักเพียงใด แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนมาก เลือกที่จะเดินทางด้วยรถไฟ ซึ่งตารางการเดินทางด้วยรถไฟก็ยังหนาแน่นและคับคั่งไปด้วยผู้คนอยู่เสมอ

“รถไฟ” เสน่ห์ที่ไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา

การเดินทางท่องเที่ยวโดยใช้บริการรถไฟ อย่างที่ทราบกันดีว่า รถไฟใช้รางแทนถนน และเป็นการใช้กำลังเครื่องจักรกลในการเคลื่อนตัวไปข้างหน้า แต่รถไฟของประเทศไทยบางคนอาจจะคิดว่าการเดินทางด้วยรถไฟนั้นเสียเวลา แต่ช้าก่อนความจริงแล้วรถไฟวิ่งเร็วกว่าที่คิด โดยจะอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ด้วยเส้นทางการเดินทางด้วยรถไฟของประเทศ ไม่มีรั้วกั้น และยังมีทางตัดผ่านเพื่อให้คนหรือรถได้ข้ามผ่าน ง่าย ๆ คือ ใช้ถนนร่วมกันในบางเส้นทาง จึงทำให้รถไฟไม่สามารถใช้ความเร็วคงที่หรือเสถียรได้เท่าที่ควรจะเป็น

เสน่ห์ของเสียงฉึกฉัก ๆ ในการเดินทางนี้ คือเราจะได้สัมผัสบรรยากาศสองข้างทางอย่างเต็มอิ่ม พร้อมกับลมตีแสกหน้า ให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังนั่งรถเก๋งเปิดประทุน โดยใช้งบเพียงน้อยนิด อย่างที่เคยได้กล่าวไว้ตามข้อความข้างบน รถไฟวิ่งได้เร็ว แต่ด้วยข้อจำกัดในเส้นทางของประเทศไทย จึงใช้เวลานานกว่าการโดยสารด้วยทางเลือกอื่น ๆ เพราะรถไฟแวะทุกสถานี การเดินทางเที่ยวด้วยรถไฟจึงเหมาะกับคนที่มีสไตล์สโลว์ไลฟ์ หรือ คนใจเย็นและชิว ๆ ง่าย ๆ

การเลือกเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟ ปัจจุบันมีรถไฟรุ่นใหม่อัพเดทพัฒนาแล้ว ทั้ง 4 เส้นทาง นั่นก็คือมีตู้นอนให้ด้วย แถมเป็นส่วนตัวมาก ๆ มีผ้าม่านปิดกั้น แล้วตู้นอนก็คือแบบมีเตียงให้เรานอนเหยียดยาวไปเลยจริง ๆ ไม่ใช้การนอนบนรถทัวร์หรือเครื่องบินที่ปรับเบาะเอนลง ซึ่งก็เอนลงไม่สุดทำให้นอนเหมือนไม่ได้นอน แต่ตู้นอนบนรถไฟนั้น คือการนอนบนเตียงจริง ๆ เหมือนโรงแรมเคลื่อนที่ ทำให้เมื่อตื่นมาแล้ว ไม่รู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว พร้อมที่จะตะลุยทริปเที่ยวที่เราได้วางแผนเอาไว้

ความคลาสสิคที่ทันสมัย เพิ่มเติมเทคโนโลยีเข้าไป เพื่อการเดินทางที่แสนสนุก

ปัจจุบันมีการใช้โซเชียลในการดำรงชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญมาก ๆ และการพัฒนารถไฟนอกจากจะมีตู้นอนให้บริการไว้สำหรับคนที่เดินทางตอนกลางคืนแล้ว ยังมีปลั๊กไฟให้เพื่อสนองความต้องการของคนที่ติดโทรศัพท์แล้วลืมแบตสำรอง หรือชาร์ตจนแบตสำรองหมดแล้ว และยังไม่หมดแค่นี้ ยังมีห้องอาบน้ำอุ่น Wifi ฟรี อาหารเช้า ร้านสะดวกซื้อเล็ก ๆ จอทีวี และโคมไฟอ่านหนังสือ ครบเครื่องขนาดนี้ มันไม่ใช่การเดินทางที่แสนน่าเบื่ออีกต่อไป

เพราะรถไฟใช้รางวิ่งแทนถนน หากเราท่องเที่ยวด้วยรถไฟ เราจะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ แน่นอน เพราะเส้นทางรางรถไฟจะแยกต่างหากจากถนน เราจะได้สัมผัสมุมมองใหม่ ๆ วิวทิวทัศน์ที่ต่างจากการเดินทางด้วยรถยนต์ เป็นเสน่ห์แบบคลาสสิค ที่คนรุ่นใหม่ก็ยังเลือกใช้รถไฟในการเดินทางเที่ยว และรู้สึกประทับใจและชอบความคลาสสิคแบบนี้

เปิดใจให้กับโลกกว้าง พาความเดียวดายออกไปเที่ยวด้วยตัวเองสักครั้ง

การที่ใครสักคนหนึ่งออกเดินทางไปเที่ยวคนเดียว บางคนอาจจะคิดว่ามันแปลก แต่จริง ๆ แล้วไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย มีอีกหลายคนบนโลกนี้ชื่นชอบการได้เที่ยวคนเดียว และเลือกที่จะออกเดินทาง วางแผนเที่ยวคนเดียวอยู่บ่อยครั้ง ในบางครั้งบางทีเราก็อยากให้มีใครสักคนไปด้วยกับเราอยู่เหมือนกันนั่นแหล่ะ แต่อาจจะเป็นเพราะเหตุผลที่เวลาไม่ตรงกันกับเพื่อน หรือสถานที่ที่เราอยากจะไปนั้น เพื่อนไม่อยากไป บางคนอาจจะโสดเพิ่งโดนเทมา เอาไงดี อยากจะพาตัวเองออกจากความรู้สึกเหงา เผื่อว่าจะช่วยเยียวยาหัวใจได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่การออกเดินทางทุกครั้งมักจะให้อะไรเราเสมอ

การเที่ยวคนเดียวมันแตกต่างจากการเที่ยวเป็นหมู่คณะอยู่แล้ว อย่างถ้าเราไปกันหลาย ๆ คน ความรู้สึกมันจะเป็นอีกแบบหนึ่ง เราต้องคอยเทคแคร์ แชร์ความรู้สึกและความเห็นร่วมกัน อาจจะทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเองในบางครั้ง ถึงแม้ว่าถ้าเราไปเจออะไรที่สนุก ๆ ด้วยกันกับเพื่อน เสียงหัวเราะมันจะดังกว่าการหัวเราะคนเดียวก็ตาม แต่ลึก ๆ ในใจก็มีก็มุมหนึ่งที่ว่าอยากปลีกวิเวกบ้าง

ถ้าตัดสินใจเที่ยวคนเดียวแล้ว ก็ลุยเลย การเที่ยวคนเดียวมันก็โรแมนติกดีนะ ได้คุยกับตัวเอง ก็โต้แย้งเถียงกันเองในใจนั่นแหล่ะ โดยที่ไม่ต้องมีเสียงคนข้าง ๆ รบกวน เราได้หาประสบการณ์ชีวิตใหม่ให้ตัวเองในการเที่ยวคนเดียว ได้พึ่งพาตัวเองอย่างแท้จริง ได้ตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเอง อาจจะดูทุลักทุเลนิดนึง ถ้าชอบถ่ายรูป ก็เซลฟี่ด้วยตัวเองไปเลย เผลอ ๆ อาจจะมีรูปเยอะกว่าตอนไปเที่ยวกับเพื่อนก็ได้นะ เพราะการไปเที่ยวคนเดียว เหมือนเราได้นิ่งสงบกับตัวเอง มีสมาธิมากขึ้น ก็ทำให้เห็นมุมที่แตกต่างจากคนอื่น แล้วเจอมุมเด็ด ที่สามารถเก็บภาพสวย ๆ ไว้ได้

มันสนุกดีออก ในทุกครั้งที่เราออกเดินทางเที่ยวคนเดียว ในสถานที่แปลกใหม่ มันจะรู้สึกตื่นเต้น ประหม่า เพราะต้องจัดการอะไรเองทุกอย่างตั้งแต่การเริ่มวางแผนการเดินทาง ที่พัก ร้านอาหารต่าง ๆ เราจะต้องเตรียมของให้พร้อม เรายืมของเพื่อนไม่ได้แล้ว เพราะเราไปคนเดียว การเที่ยวคนเดียวมันกระตือรือร้นทุกครั้งในการออกเดินทาง และความรู้สึกนี้มันต่างกับการเที่ยวพร้อมกันหลาย ๆ คนมาก ความตื่นตัวในการจะไปเที่ยวคนเดียวนี้แหล่ะ ทำให้สมองเริ่มคิดเยอะ แล้วส่งความรู้สึกไปที่หัวใจทำให้ใจเต้นแรง แล้วสะท้อนกลับไปที่สมองอีกครั้ง สมองก็จะสั่งการให้ร่างกายเรารู้สึกสดชื่น พร้อมออกเดินทางโดยไม่รออะไรแล้ว

การที่ชอบเที่ยวคนเดียว ให้อะไรมากกว่าที่คิด มุมมองเราอาจจะเปลี่ยนไป และอาจจะเปลี่ยนนิสัยบางอย่างของเราไปด้วย อย่างเช่น การมีวินัยมากขึ้น ตรงต่อเวลามากขึ้น เพราะไม่มีใครมาคอยเตือน มาคอยปลุก มาคอยบอกให้เราทำอะไร อย่างที่บอกว่าเราได้พึ่งพาตัวเองทั้งนั้น แต่เราจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่โลกนี้สร้างขึ้นมาให้เราออกไปเผชิญหน้าและค้นหามัน

ไปเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์กัน แล้วจะรู้ว่าสวรรค์ไม่ได้อยู่แค่บนฟ้า

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่อยู่ใจกลางทวีปยุโรป เป็นประเทศที่สวยงามสมคำร่ำลือมาก และยังโด่งดังในเรื่องสถานที่เที่ยว คือแทบทุกซอกทุกมุมของประเทศนี้ อะไรก็งดงามไปหมด หลาย ๆ คนคงเคยเห็นประเทศนี้ตามโปสเตอร์ ในเว็บ หรือแม้แต่ภาพยนตร์หรือซีรี่ย์ต่างประเทศ ก็ยังมีการลงทุนไปถ่ายทำถึงที่นู่น เพื่อต้องการฉากที่สวยงาม แถมมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ท้าทายให้นักท่องเที่ยวอีกด้วย ไม่ว่าจะปีนเขา เล่นสกีและสโนว์บอร์ด การเดินริมผา และเล่นร่มร่อน ถ้าหากได้มาเที่ยวที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์นี้ ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมาก ๆ แค่ก้าวเท้าออกจากสนามบิน สูดอากาศของประเทศนี้ก็รู้สึกฟินแล้ว

เตรียมตัวอย่างไร เมื่อจะบินข้ามทวิปไปสวิตเซอร์แลนด์

จะไปทั้งที แถมข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลด้วย นอกจากความพร้อมของเรื่องเงินแล้ว ก็ควรจะศึกษาข้อมูลของประเทศนี้กันสักหน่อย เป็นความรู้น้ำจิ้มย่อยก่อนออกเดินทางไว้บ้างก็ยังดีเนอะ อ่ะ มีอะไรบ้าง

1. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ใช้สกุลเงินฟรังก์สวิส (CHF) เทียบกับเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 35 บาท ค่าครองชีพที่ประเทศนี้ ค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน จะไปเที่ยวกี่วันควรคำนวณจำนวนให้รอบคอบ และถึงแม้บางร้านอาหารจะรับสกุลเงินยูโร (EUR) เมื่อจ่ายไปก็จะได้รับเงินทอนเป็นสกุลเงินฟรังก์ (CHF) อยู่ดี

2. ทุกฤดูเป็นเทศกาลเที่ยวหมด ไม่สะดวกไปช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็ไปหน้าฝนได้ หน้าหนาวก็กลัวจะหนาวเกินไป ก็เปลี่ยนไปเที่ยวหน้าร้อนเลย แต่ฤดูร้อนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อากาศช่วงกลางวันจะเฉลี่ยอยู่ที่ 18-28 องศาเซลเซียส ส่วนกลางคืนนั้นจะต่างกันมาก ๆ เลย อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 10-20 องศาเซลเซียส จะเห็นได้ว่าฤดูร้อนของประเทศนี้ ช่างแตกต่างกับประเทศไทยเหลือเกิน ฉะนั้นการเตรียมเสื้อผ้าไปเที่ยวฤดูร้อนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็ควรมีเสื้อแขนยาว เสื้อกันหนาว กันไว้หน่อยก็ดี หรือขี้เกียจพกไปให้หนักกระเป๋า เงินเยอะก็ไปหาซื้อข้างหน้าเลยจ้า

3. เรื่องปากท้องนั้นสำคัญ อย่างที่ทราบกันดีกว่าประเทศโซนยุโรป เรื่องอาหารการกินบ้านเค้าจะเน้นหนักไปทางแป้ง ขนมปัง ชีส เนย เป็นส่วนใหญ่ ถ้าเวลาไปเที่ยวซักอาทิตย์หนึ่ง อาจจะคิดถึงอาหารไทยขึ้นมาแล้วร้องไห้ เพราะบางคนชอบอาหารรสจัด และติดรสชาตินี้ แนะนำว่าควรจะพกอาหารแห้งของไทยไปกันไว้หน่อยก็ดี

4. การเดินทางจากประเทศไทยไปสวิตเซอร์แลนด์ หากบินตรงจะใช้เวลาโดยประมาณ 13 ชั่วโมง แต่หากเลือกสายการบินที่มีแวะพักเปลี่ยนเครื่อง เวลาในการเดินทางจะเฉลี่ยอยู่ที่ 15-18 ชั่วโมง ใช้เวลายาวนานพอสมควร สำหรับคนที่เพิ่งเคยเดินทางไปต่างประเทศและใช้เวลานานแบบนี้ ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม หากปวดเมื่อยจากการนั่งนาน ก็พกยานวดกล้ามเนื้อ หรืออุปกรณ์นวดพกพาไว้

เคยมีคนที่ไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาแล้ว บอกว่าเป็นประเทศที่โกงวิวที่สุด เหตุผลก็เพราะเวลาเราดูรูปถ่ายเราคิดว่าประเทศนี้สวยจัง ธรรมชาติสร้างมาแบบลำเอียงสุด ๆ แต่พอได้ไปเห็นของจริงแล้ว เค้าว่ากันว่าสวยกว่าในรูปอีกเท่าตัว สักครั้งหนึ่งในชีวิตให้โอกาสตัวเองได้บินไปเที่ยวประเทศนี้สร้างความทรงจำ ในตอนที่ร่างกายยังมีแรงเที่ยวกันเถอะ

เตรียมตัวเที่ยวให้เป๊ะ ก็เหมือนมีผู้ช่วยตลอดทาง หายห่วงตลอดทริป

ในการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้ง มีของใช้จำเป็นมากมาย ที่ต้องนำติดตัวไป แต่ก็ยังมีหลายคนที่ลืมนู่นนี่นั่นนิดหน่อย และละเลยความสำคัญ จนทำให้บางทีมีเหตุสะดุดหรือเกิดความกังวลใจได้ เราจะมาจัดการสัมภาระกันอย่างไร ให้การออกไปเที่ยวในครั้งนี้มีแต่ความสบายใจ

สร้างกระเป๋าเดินทางให้เป็นกระเป๋าโดราเอม่อน

สำหรับกระเป๋าเดินทางไม่ว่าจะใบเล็กและกระเป๋าลาก สำหรับ 1 คน ควรมีของสำคัญดังนี้

– บัตรประจำตัวประชาชน หรือ พาสปอร์ต (Passport) สำคัญมากถ้าหากไม่อยากถูกมองเป็นคนต่างด้าว เพราะแสดงได้ถึงตัวตนของเรา เป็นเอกสารสิทธิ์ส่วนบุคคล ในการท่องเที่ยวแต่ละครั้งสามารถใช้ยื่นเพื่อรับสิทธิ์หรือใช้สิทธิ์ในสถานที่นั้น ๆ ได้

– เงิน อันนี้ขาดไม่ได้เลย แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาในเรื่องธุรกรรมการเงินในเรื่องการใช้จ่าย การพกเงินสดจึงไม่ค่อยจำเป็นมากนัก แต่ก็ควรมีติดตัวไว้ส่วนหนึ่ง เผื่อไว้ในบางสถานที่ที่รับชำระเป็นเงินสดเท่านั้น

– ยารักษาโรคประจำตัว หรือ ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ยากันยุง ยาแก้แพ้ หากบางคนเป็นภูมิแพ้ หรือแพ้แมลงสัตว์กัดต่อยและแพ้อาหารแล้วดันเผลอกินเข้าไป มีไว้ป้องกันจะดีกว่า

– เสื้อผ้า ควรเตรียมไปให้เหมาะสมและเพียงพอกับสถานที่ที่เราจะไปท่องเที่ยว อย่าคิดว่าไปหาเอาดาบหน้า นอกจากจะสวยไม่ถูกใจแล้ว มันเสียเวลาในการเที่ยวด้วย

– ของใช้ส่วนตัวถ้าเตรียมไปให้ครบได้ควรเตรียมไว้ อย่างถ้าคุณผู้หญิงควรเตรียมครีมบำรุงผิว หรือเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ประจำอยู่แล้ว แบ่งใส่ขวดเล็ก ๆ ไว้ บางคนคิดง่าย ไว้ค่อยไปแวะซื้อใหม่ พอซื้อแล้วใช้ไม่หมดเอากลับมาอยู่ดีให้รกบ้าน ครั้นเวลาไปเลือกซื้อใหม่ก็เลือกนาน แทนที่จะโฟกัสในการเที่ยวให้เต็มที่ ต้องมาเสียเวลาเลือกซื้อของอีก

และทั้งหมดนี้คือสิ่งของจำเป็นที่กระเป๋า 1 ใบสำหรับการเดินทางต้องมี หากเราเตรียมความพร้อมทั้งหมดจัดลงในกระเป๋าแล้ว จะช่วยให้ได้เที่ยวแบบสบายใจและประหยัดเวลาในการวิ่งหาซื้อของแบบฉุกเฉิน

ฝากไว้เล็กน้อยสำหรับการเตรียมตัวเดินทาง ควรพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนวันออกเดินทาง เพื่อที่จะได้เที่ยวแบบสดชื่น และก่อนออกจากบ้านควรจะเช็คความเรียบร้อย ล็อคประตูบ้านเพื่อความปลอดภัย และนอกจากนี้อยากเที่ยวให้สนุก ต้องทานให้คุ้ม กินให้อิ่ม สนุกกับชีวิตให้มาก ๆ ที่สำคัญมีวินัยและตรงต่อเวลาในการเข้าพักโรงแรมและการเดินทาง และระหว่างทางการเดินทางหากนั่งรถเที่ยว ควรมองข้างทาง สังเกตรายละเอียดในสถานที่ อย่าเอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถืออย่างเดียว เพราะเราอาจจะพลาดวิวสวย ๆ ผู้คน บ้านเรือน หรือสิ่งที่น่าสนใจ กลับมาจากการเที่ยวจะได้มีเรื่องเล่า มีเรื่องให้น่าจดจำ แบ่งปันบอกต่อคนอื่น ๆ ว่าเราได้อะไรมาบ้างแล้วมันดีอย่างไร

เครดิตภาพ : https://pixabay.com/photos/fashion-accessories-handbag-2208045/

เทคนิคเลือกกระเป๋าเดินทางให้คุ้ม ไม่ต้องง้อแบรนด์ก็ได้

ไม่ว่าใครก็ต้องมีกระเป๋าเดินทางสักใบ ไม่ว่าจะเอาไว้ใช้ประโยชน์ในการเดินทางหรือกิจธุระส่วนตัวอะไรก็ตาม แต่เชื่อว่าทุกคนต้องมีการเดินทางกันอยู่แล้ว การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางสักใบที่สามารถใช้งานได้หลายปี มีความทนทานพร้อม ๆ กับความสตรองของเจ้าของกระเป๋า วันนี้มีเทคนิคในการเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง โดยไม่ต้องจำกัดว่าจะต้องเป็นแบรนด์ดัง ใช้แล้วดูแพงดี ซึ่งมันไม่จำเป็น เอาเป็นว่ามีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

ก่อนจะเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง สละเวลาสักนิดอ่านตรงนี้ก่อน

1. พิจารณาตามราคาที่เหมาะสม อย่ายึดติดกับคำว่าแบรนด์หรือแพงไว้ก่อนยังไงของแพงก็ดี อาจจะมีส่วนอยู่บ้างที่ว่าของที่มีราคา มักจะมีคุณภาพสูงตามมา บางคนเน้นแบรนด์หรือความสวยงาม ซึ่งมีราคาสูงเกินความจำเป็น แต่ควรจะมองถึงวัสดุที่นำมาทำกระเป๋าด้วยว่า มีความแข็งแรง และทนต่อการใช้งานมากน้อยแค่ไหน

2. ไซส์ขนาดของกระเป๋า ควรเลือกซื้อในขนาดที่พอดี ไม่ใหญ่เกินไป มันจะดูเกะกะเวลาที่เราขนย้ายไปไหนด้วย ทำให้ไม่สะดวก ขนาดที่แนะนำและคนนิยมใช้กันก็คือ ขนาด 26 นิ้ว เวลาฉุกเฉินสามารถอุ้มได้ แบกได้ ไม่ต้องกลัวหายหรือทิ้งไว้กลางทาง

3. ฟังก์ชั่นการใช้งานของประเป๋า เช่น สายรัดในกระเป๋าต้องควรมี เพื่อช่วยในการรัดสัมภาระให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และควรมีช่องตาข่ายภายในกระเป๋าไว้เก็บแยกของใช้ต่างหาก เพื่อความเรียบร้อยในกระเป๋าอีกนั่นแหล่ะ

4. ก่อนซื้อให้เช็คภายนอกของกระเป๋าเดินทางด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซิปควรรูดทดลองก่อนว่าลื่นตลอดสายไหม ล้อลากไปในทิศทางเดียวกันและเคลื่อนที่ได้ง่าย หูหิ้วและคันชักของกระเป๋า จับได้สบายมือ ดึงเก็บและดึงขึ้นมาใช้งานไม่สะดุด

5. สีสันของกระเป๋าก็น่าคิด การเลือกซื้อสีเบสิคอย่างสีดำ สีเข้ม ๆ ก็ดูให้เหมือนปกติทั่วไป ถ้าไม่อยากเด่นจนเกินไป จะได้กลมกลืนกับกระเป๋าของคนอื่น แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งสำหรับคนที่ชอบสีสันของกระเป๋าเดินทาง คือมันหาเจอง่ายและมันดูสวยโดดเด่น ยิ่งเวลากระเป๋าเดินทางหลังจากโหลดมาตรงสายสะพายของสนามบินแล้ว กระเป๋าเดินทางที่มีสีสันแตกต่าง จะทำให้ไม่เสียเวลามองหา จะได้ไปต่อไม่รอใครแล้วนะ

และนี่คือ 5 เทคนิคง่าย ๆ ที่จะช่วยตัดสินใจสำหรับใครที่กำลังมองหากระเป๋าเดินทางสักใบ ที่คุ้มค่าต่อการใช้งาน หากพิจารณาตาม 5 ข้อนี้แล้ว ก็จะได้กระเป๋าเดินทางที่มีใช้งานได้นานหลายปี โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อใบใหม่หรือเสียเงินซ่อมแซมกระเป๋าในภายหลัง และการดูแลรักษาความสะอาดของกระเป๋าให้ดี จะช่วยยืดอายุการใช้งานออกไปได้อีกด้วย เลือกกระเป๋าเดินทางดี ก็เหมือนเลือกรองเท้าคุณภาพดีสักคู่หนึ่ง ที่พร้อมลุยเดินทางไปด้วยกันแบบเท่ห์ ๆ

ทุกครั้งที่คุณได้ไปท่องเที่ยว คุณรู้หรือเปล่า ว่าคุณได้วิตามิน?

การได้ออกไปเดินทาง ก้าวออกจากที่ ๆ เคยอยู่ ได้ไปพบเจออะไรใหม่ ๆ มันเหมือนกับการได้ไปค้นหาอะไรบางอย่าง ที่อาจจะเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายหรือโหยหายอยู่ ได้ออกไปสูดอากาศในสถานที่ที่แตกต่างจากที่เราได้เคยใช้ชีวิตประจำวันอยู่ที่เดิม ๆ มันเป็นการเติมวิตามินให้กับชีวิต เป็นวิตามินที่หาไม่ได้จากอาหารที่เราทาน หรือจากน้ำที่เราดื่มลงไป แต่มันเป็นวิตามินที่เติมลงไปในหัวใจ ให้เราได้สดชื่น วิตามินนี้ ไม่จำเป็นต้องหาซื้อด้วยเงินตรา ไม่มีราคา เพียงแค่เราออกเดินทาง

จิตใจที่ร่าเริง เป็นยาวิเศษ

คนหลาย ๆ คน อาจจะได้ยินได้ฟังประโยคนี้มาบ้างแล้ว “จิตใจที่ร่าเริง เป็นยาวิเศษ” ดูเหมือนเป็นคำพูดเลื่อนลอย หรือฟังผ่าน ๆ โดยไม่คิดอะไร แต่ความหมายของประโยคนี้มีความลึกซึ้ง และเป็นจริง การที่เรามีความสุขกับทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ ของตัวเราเอง การที่เราได้ออกไปพบปะผู้คน หรือออกไปเจอสถานที่ใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยได้ไป มันมีความรู้สึกตื่นเต้น แปลกตา แปลกใจ กับสิ่งที่เราไม่เคยได้เห็น หรือแม้กระทั่งเราจะเคยได้เห็นเพียงแค่รูปถ่าย แต่พอเราได้ไปสัมผัสกับสถานที่นั้นจริง ๆ ด้วยตัวเอง มันรู้สึกพิเศษ สดชื่น หัวใจของเรารู้สึกว่าเต้นแรงขึ้น สมองมีความตื่นตัว แล้วร่างกายจิตใจของเราก็ประมวลผลได้ว่า นี้แหล่ะ มันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ที่บางทีเราอาจจะไม่มีทุนทรัพย์เยอะพอที่จะข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลถึงต่างประเทศ เราแค่ได้ออกไปสถานที่ที่หนึ่ง ที่ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม หรือบ้านที่มีพื้นที่ล้อมรอบด้วยรั้ว แต่เราสามารถที่จะหาความสุขให้ตัวเอง วิตามินที่อัดเข้าไปในหัวใจของเรา นั่นก็คือการแค่ออกไปเที่ยวแค่นั้นเอง

จะไปเที่ยวที่ไหนละ ที่เรียกว่าวิตามินที่มีประโยชน์

ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าพูดถึงว่า “มีประโยชน์” นั่นหมายความว่าสถานที่ที่เราเลือกจะไปนั้น มันให้ความสุขจริง ๆ กับเรา ไม่ใช่สถานที่ที่เราไปแล้ว เป็นแค่ที่ระบายอารมณ์แค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นสถานที่ให้ความประทับใจ ให้ความรู้สึกนึกถึง เมื่อได้กลับมาแล้ว เป็นสิ่งที่น่าจดจำ และนำไปบอกต่อ ๆ หรือแนะนำให้กับคนอื่น ๆ ได้อีก สามารถที่จะคุยโม้โอ้อวดให้กับเพื่อน ๆ นำมาเขียนเป็นเรื่องราวได้ และกลับมามีรอยยิ้มหลังจากไปสถานที่นั้นแล้ว

วิตามิน จากการได้ท่องเที่ยว เปรียบเทียบจากสิ่งที่มองเห็นไม่ได้ด้วยตา คือความอิ่มเอมใจ ความสุขล้นในหัวใจ ความเหนื่อยล้ามันหายไป หัวใจรู้สึกสดชื่น เส้นเลือดได้สูบฉีดอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาและการกระทำนั่นก็คือ ภาพถ่ายที่อยู่ในโทรศัพท์หรือในกล้องว่ามีจำนวนกี่ภาพ เราสถานที่นั้น เราประทับใจและชอบมาก ๆ รูปในกล้องของเราจะมีเยอะมาก และอีกอย่างก็คือของที่ระลึกจากสถานที่นั้น ๆ ได้เก็บเอามาไว้ด้วย