24 ชั่วโมงใน Warsaw (ตอนที่ 2)

เมื่อตอนที่แล้วได้ปิดตอนด้วยการหาข้อมูลการเดินเที่ยวในวอร์ซอพร้อมกับจิบชาผลไม้ หอม ๆ อุ่น ๆ ไปแล้ว ก็เลยพอจะได้ข้อมูลมาบ้างแล้วว่า ในวอร์ซอร์เขาไปเที่ยวที่ไหนกัน ตรงไหนคือสถานที่ยอดนิยม และตรงไหนคือจุดที่พลาดไม่ได้ และเนื่องจากที่โปแลนด์หน้าหนาวจะมืดเร็วมาก เวลาสี่โมงห้าโมงเย็นนี่คือมืดยังกับเวลาสามสี่ทุ่ม เมื่อเป็นแบบนั้นจึงไม่ควรรอช้า รีบจัดแจงเสื้อโค้ท หมวก ถุงมือ และก็ไม่ลืมถุงร้อน (เพราะข้างนอกมันคงหนาวมาก) ออกไปเดินท่องราตรีในเมืองวอร์ซอกันเถอะ
เมืองใหม่และเมืองเก่า (New Town Vs Old Town)

นี่ถ้าไม่เปิดกูเกิล คงไม่รู้ว่าวอร์ซอว์แบ่งเป็นโซนเมืองใหม่ และเมืองเก่า ฝั่งเมืองใหม่คือแถวที่เดินผ่านมาจากสถานีรถไฟ มีตึกสำนักงานสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า และตึกสูงยิ่งใหญ่ใกล้สถานีรถไฟ คือ Palace of Culture and Science (มีชื่อเล่นเป็นภาษาโปแลนด์ Pekin) ได้ยินมาว่าเป็นตึกที่รัสเซียมาสร้างไว้ แต่พอหาข้อมูลลึกไปอีกเขาก็บอกว่าโจเซฟ สตาลิน ผู้นำสหภาพโซเวียตสมัยนั้นมาสร้างเป็นของขวัญให้กับชาวโปแลนด์ระหว่างที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหภาพโซเวียตนั่นเอง ส่วนฝั่งเมืองเก่าจะเป็นย่านที่นักท่องเที่ยวมาเดินชมสถาปัตยกรรม โบสถ์ และพวกอนุสรณ์สงครามโลก ที่สำคัญเมืองเก่าที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโกอีกด้วย

Warsaw Old Town เมืองมรดกโลก

ดูจากแผนที่แล้วอยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก เดินไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้ว พอเดินออกมาตรงถนนละอองฝนลอยคลุ้งไปหมด มีคนที่ท่าทางเหมือนนักท่องเที่ยวเดินอยู่ เลยเดินตามเขาไป เดินขึ้นเนินไปแป๊บเดียวก็เจอลานกว้าง ๆ ที่มีต้นคริสมาสต์ และมีเพื่อน ๆ นักท่องเที่ยวเดินเต็มไปหมด…ในที่สุดเราก็มาถึงแล้ว ย่านเมืองเก่าวอร์ซอว์อยู่ตรงนี้เอง

เนื่องจากเป็นช่วงปลายเดือนธันวาคม ควันหลงคริสมาสต์ก็เลยยังมีอยู่ ต้นคริสมาสต์ประทับไฟสวยดี ผู้คนเดินถ่ายรูปมุมนั้นทีมุมนี้ที ชอบตรงที่กลางลานมีแสดงดนตรีพวกเครื่องเป่าและเครื่องดีด ซึ่งเขาเล่นได้ไพเราะมากเลย พอเดินเข้าโบสถ์มักจะเจอป้ายโฆษณาคอนเสิร์ตแถวด้านหน้าโบสถ์ ซึ่งคืนนั้นเป็นงานแสดงเปียโนเพลงของโชแปง หันไปอีกฝั่งมีประวัติโชแปง พอได้ศึกษาถึงทราบว่าโชแปงเป็นบุคคลสำคัญมากของกรุงวอร์ซอ มีอนุสาวรีย์โชแปง อีกทั้งมีการนำชื่อโชแปงมาตั้งเป็นชื่อสนามบิน (Warsaw Chopin Airport) อีกด้วย นอกจากนี้เราจะสังเกตเห็นว่าชื่อสถานที่สำคัญ และชื่อนามสกุลวีรบุรุษสงครามที่ตั้งอนุสรณ์ไว้ในโบสถ์เกือบจะทุกคน ลงท้ายด้วย -ski ลองหาข้อมูลจึงถึงบางอ้อ ว่านามสุกลคนสมัยก่อนจะนิยมตั้งเพื่อบ่งบอกว่ามาจากถิ่นฐานไหน (-ski คงหมายถึงคนที่อยู่แถบประเทศโปแลนด์ คนโปแลนด์ถึงได้ตั้งนามกุลลงท้ายเหมือน ๆ กัน)

ความประทับใจในการเที่ยววอร์ซอครั้งนี้ คงเป็นความสวยงามของเมืองเก่า ช่วงเวลา เดินเล่นเพลิน ๆ ช้อปปิ้งเบา ๆ เน้นพวกของพื้นเมืองและของที่ระลึกน่ารัก ๆ เข้าร้านอาหารไปกินอาหารเย็นอร่อย ๆ  แล้วก็เดินชมแสงไฟระหว่างทางกลับโรงแรม และได้ตั้งชื่อโปแลนด์เล่น ๆ สำหรับคนชอบเดินทางว่า Travelimski…ทราเวลลิซึมสกี้

24 ชั่วโมงใน Warsaw (ตอนที่ 1)

เมื่อเสียงเพลงยุค 90 ดังคลออ้อยอิ่ง และข้างนอกฝนตกปรอย ๆ คนที่นอนกลิ้งไปมาบนที่นอน ซึ่งไถ twitter มาแล้วเกือบจะสองชั่วโมง นึกครึ้มอกครึ้มใจเปิดดูราคาตั๋วเครื่องบินไปยุโรป เปิดดูทั้งเว็บไซต์เอเจนซี่และเว็บไซต์ตรงสายการบิน เหมือนสวรรค์เข้าข้าง ตั๋วเครื่องบินของสายการบินแห่งชาติของประเทศเพื่อนบ้าน มีโปรโมชั่นลดราคาอยู่พอดี ไม่ต้องคิดอะไรมาก กดจองและจ่ายเงินเลยแล้วกัน ถัดมาอีกสองเดือน ได้มายืนอยู่หน้าสถานีรถไฟในกรุงวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์ ความรู้สึกเหมือนวาร์ปมาจากวันที่กดจองตัวเครื่องบิน เพราะเวลาผ่านมาเร็วมาก มาถึงโปแลนด์แบบงง ๆ โดยโจทย์สำคัญคือมีเวลาอยู่ในวอร์ซอว์แค่ 1 วัน เพราะพรุ่งนี้ดันซื้อตั๋วเครื่องบินไปปารีสไว้แล้วซะงั้น ที่ตกตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ คือไม่ได้หาข้อมูล Warsaw ไม่รู้เรื่องอะไรเลย…นี่เราทำอะไรลงไป?! เอาล่ะ…ก่อนอื่นต้องตามหาที่พัก

ทุลักทุเล เหน็ดเหนื่อย เหน็บหนาว ชื้นแฉะ

เนื่องจากเป็นช่วงเดือนธันวาคม เป็นฤดูหนาว ซึ่งอากาศหนาวมาก หนาวไปถึงกระดูกข้อมือเลย แถมวันนี้ฝนยังตกปรอย ๆ จึงทั้งหนาวทั้งเฉอะแฉะ สังเกตเห็นว่ามีรถเมล์หลายสายวิ่งผ่านไปมาหน้าสถานีรถไฟ แต่ไม่รู้ว่าจะนั่งสายอะไร (บอกแล้วว่าไม่มีข้อมูลอะไรในหัวเลย) เลยปิดแผนที่ กูเกิลนำทางไปที่พัก เมื่อแอพพลิเคชั่นบนมือถือบอกว่าโรงแรมที่จองไว้อยู่ห่างจากพิกัดที่ยืนอยู่ประมาณ 2 กิโลเมตร ก็เลยตัดสินใจ….เดินไป

เดินลากกระเป๋าไปท่ามกลางสายฝนพรำ ผ่านตึกสูงโดดเด่น (ซึ่งไม่รู้ว่าตึกอะไร รู้แต่ว่ามันน่าจะเป็นแลนมาร์คสำคัญของวอร์ซอว์ เพราะมันดูสวยและยิ่งใหญ่มาก) ถัดจากตึงสูงใหญ่ ข้ามถนนเดินเลียบตึก ผ่านห้างสรรพสินค้า เข้าสู่ถนนเส้นเล็ก ๆ ผ่านสวนเล็ก ๆ มีร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกน่ารั…นี่ถ้าไม่หนาวเข้ากระดูก คงมีอารมณ์ชื่นชมสองข้างทางและดื่มด่ำความเป็นวอร์ซอว์ได้มากกว่านี้ !

ในที่สุดก็ถึงที่พัก

ที่พักจองเป็นแบบโฮสต์เทล ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการ จึงต้องบริการตัวเองตั้งแต่หาทางเข้าให้เจอ หาวิธีเปิดประตู และหาห้องพัก แต่…เฮ้ย!! ทำไมประตูเปิดไม่ได้?! เหลือบไปเห็นที่ใส่รหัส…ต้องใช้รหัสสินะ เลยนึกขึ้นได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามีอีเมล์จากโรงแรมส่งมาเรื่องการเชคอิน พอเปิดเมล์จึงถึงบางอ้อ สรุปว่ามีเลขรหัส 3 ชุด คือรหัสเปิดประตูข้างนอก ประตูข้างในอีกชั้นนึง และรหัสเปิดประตูห้องนอน และแล้วก็ลืมว่าเพิ่งผ่านความเหน็ดเหนื่อย เหน็บหนาว ชื้นแฉะ เพราะห้องนอนน่ารักมาก (มีห้องนอนแบบห้องใครห้องมันประมาณ 5 ห้อง) ห้องน้ำรวมมี 2 ห้อง และชั้นใต้ดินมีห้องครัว ไปลองสำรวจดูมีของกินตู้เย็น กาแฟและชาผลไม้ มีชุดเครื่องครัวทำกับข้าวกินเองได้ โห…มันดีมากเลย

เมื่อเจออะไรดี ๆ กระบวนการคิดของคนเรามักจะเริ่มทำงาน สิ่งที่น่าสนใจในวอร์ซอคงหนีไม่พ้น สถาปัตยกรรม พวกตึกเก่า อนุสรณ์และประวัติศาสตร์สงคราม ความจริงมีหนังขึ้นหิ้งที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีฉากในประเทศโปแลนด์หลายเรื่อง เช่น The Pianist, The Boy in the Striped Pajamas, Schindler’s List ดังนั้น เพื่อให้การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลครั้งนี้คุ้มค่า กับเวลาและเงินจ่ายไป คงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม ว่าแลนด์มาร์คและจุดไฮไลท์ของวอร์ซอคืออะไรและตั้งอยู่ตรงไหนบ้าง เอาล่ะ…มาสร้างความฟินในเวลาสั้น ๆ ด้วยการชงชาอุ่น ๆ ไปนอนดริงค์ชิลล์ ๆ ในห้องและพร้อมกับหาข้อมูลการเดินเที่ยวในวอร์ซอว์กันเถอะ