ไปเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์กัน แล้วจะรู้ว่าสวรรค์ไม่ได้อยู่แค่บนฟ้า

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่อยู่ใจกลางทวีปยุโรป เป็นประเทศที่สวยงามสมคำร่ำลือมาก และยังโด่งดังในเรื่องสถานที่เที่ยว คือแทบทุกซอกทุกมุมของประเทศนี้ อะไรก็งดงามไปหมด หลาย ๆ คนคงเคยเห็นประเทศนี้ตามโปสเตอร์ ในเว็บ หรือแม้แต่ภาพยนตร์หรือซีรี่ย์ต่างประเทศ ก็ยังมีการลงทุนไปถ่ายทำถึงที่นู่น เพื่อต้องการฉากที่สวยงาม แถมมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ท้าทายให้นักท่องเที่ยวอีกด้วย ไม่ว่าจะปีนเขา เล่นสกีและสโนว์บอร์ด การเดินริมผา และเล่นร่มร่อน ถ้าหากได้มาเที่ยวที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์นี้ ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมาก ๆ แค่ก้าวเท้าออกจากสนามบิน สูดอากาศของประเทศนี้ก็รู้สึกฟินแล้ว

เตรียมตัวอย่างไร เมื่อจะบินข้ามทวิปไปสวิตเซอร์แลนด์

จะไปทั้งที แถมข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลด้วย นอกจากความพร้อมของเรื่องเงินแล้ว ก็ควรจะศึกษาข้อมูลของประเทศนี้กันสักหน่อย เป็นความรู้น้ำจิ้มย่อยก่อนออกเดินทางไว้บ้างก็ยังดีเนอะ อ่ะ มีอะไรบ้าง

1. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ใช้สกุลเงินฟรังก์สวิส (CHF) เทียบกับเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 35 บาท ค่าครองชีพที่ประเทศนี้ ค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน จะไปเที่ยวกี่วันควรคำนวณจำนวนให้รอบคอบ และถึงแม้บางร้านอาหารจะรับสกุลเงินยูโร (EUR) เมื่อจ่ายไปก็จะได้รับเงินทอนเป็นสกุลเงินฟรังก์ (CHF) อยู่ดี

2. ทุกฤดูเป็นเทศกาลเที่ยวหมด ไม่สะดวกไปช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็ไปหน้าฝนได้ หน้าหนาวก็กลัวจะหนาวเกินไป ก็เปลี่ยนไปเที่ยวหน้าร้อนเลย แต่ฤดูร้อนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อากาศช่วงกลางวันจะเฉลี่ยอยู่ที่ 18-28 องศาเซลเซียส ส่วนกลางคืนนั้นจะต่างกันมาก ๆ เลย อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 10-20 องศาเซลเซียส จะเห็นได้ว่าฤดูร้อนของประเทศนี้ ช่างแตกต่างกับประเทศไทยเหลือเกิน ฉะนั้นการเตรียมเสื้อผ้าไปเที่ยวฤดูร้อนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็ควรมีเสื้อแขนยาว เสื้อกันหนาว กันไว้หน่อยก็ดี หรือขี้เกียจพกไปให้หนักกระเป๋า เงินเยอะก็ไปหาซื้อข้างหน้าเลยจ้า

3. เรื่องปากท้องนั้นสำคัญ อย่างที่ทราบกันดีกว่าประเทศโซนยุโรป เรื่องอาหารการกินบ้านเค้าจะเน้นหนักไปทางแป้ง ขนมปัง ชีส เนย เป็นส่วนใหญ่ ถ้าเวลาไปเที่ยวซักอาทิตย์หนึ่ง อาจจะคิดถึงอาหารไทยขึ้นมาแล้วร้องไห้ เพราะบางคนชอบอาหารรสจัด และติดรสชาตินี้ แนะนำว่าควรจะพกอาหารแห้งของไทยไปกันไว้หน่อยก็ดี

4. การเดินทางจากประเทศไทยไปสวิตเซอร์แลนด์ หากบินตรงจะใช้เวลาโดยประมาณ 13 ชั่วโมง แต่หากเลือกสายการบินที่มีแวะพักเปลี่ยนเครื่อง เวลาในการเดินทางจะเฉลี่ยอยู่ที่ 15-18 ชั่วโมง ใช้เวลายาวนานพอสมควร สำหรับคนที่เพิ่งเคยเดินทางไปต่างประเทศและใช้เวลานานแบบนี้ ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม หากปวดเมื่อยจากการนั่งนาน ก็พกยานวดกล้ามเนื้อ หรืออุปกรณ์นวดพกพาไว้

เคยมีคนที่ไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาแล้ว บอกว่าเป็นประเทศที่โกงวิวที่สุด เหตุผลก็เพราะเวลาเราดูรูปถ่ายเราคิดว่าประเทศนี้สวยจัง ธรรมชาติสร้างมาแบบลำเอียงสุด ๆ แต่พอได้ไปเห็นของจริงแล้ว เค้าว่ากันว่าสวยกว่าในรูปอีกเท่าตัว สักครั้งหนึ่งในชีวิตให้โอกาสตัวเองได้บินไปเที่ยวประเทศนี้สร้างความทรงจำ ในตอนที่ร่างกายยังมีแรงเที่ยวกันเถอะ

One Day Trip นั่งเรือเรื่อยเปื่อยจาก Lausanne ไปโผล่ Montreux

เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณเดินชมเมืองชมโบสถ์ อาคารบ้านเรือน และช้อปปิ้งในโลซานน์อย่างหนำใจแล้ว นึกขึ้นได้ว่าน่าจะนั่งเรือชมทะเลสาบซักหน่อย และท่าเรือก็อยู่ใกล้สถานีรถไฟนี่เอง นั่งเมโทรไปแปปเดียวก็ถึง นั่นแหล่ะคือที่มาของการนั่งเรือเรื่อยเปื่อยกินเวลาครึ่งค่อนวัน

                Montreux (มองเทรอซ์) จุดหมายปลายทางที่เราจะไปนั้นเป็นเมืองตากอากาศของสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่บนรายฝั่งของทะเลสาบเจนีวา เคยเป็นทางผ่านของถนนสมัยโรมัน ที่ใช้เดินทางจากอิตาลีสู่นครอเวนติกัม (Aventicum) เมื่องหลวงของโรมัน คนที่นี่ส่วนใหญ่จะทำงานหรือธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายเครื่องยนต์ การขนส่งสินค้า โรงแรมและร้านอาหาร และมีบางส่วนที่ทำโรงงานอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง และมีส่วนน้อยที่ทำเกษตรกรรม ผลิตภัณฑ์ไม้ และการประมง เพราะฉะนั้นในเมืองในนี้ก็จะเห็นอาคารและสิ่งก่อสร้างที่ทันสมัย อาคารโรงแรมและอพาร์ทเม้นท์มีให้เลือกมากมาย รูปทรงล้ำสมัยและแปลกตาดี ความจริงสามารถนั่งรถไฟจากโลซานมามองเทรอซ์เลยก็ได้ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่เราตั้งใจไว้แล้วว่าจะนั่งเรือนี่เนอะ เพราะงั้นพอออกจากเมโทรก็เดินลิ่วๆ มาท่าเรือเลยจ้า สามารถใช้ SWISS PASS ขึ้นเรือได้เลย ก่อนขึ้นเรือเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นเรือไปที่ไหน รอบเวลาเท่าไหร่ จากนั้นก็จะให้เข้าแถวเดินขึ้นเรือ เราก็เดินตามลุงป้าไป เจอคนไทยเยอะแยะ (ต้องยอมรับว่าคนไทยเที่ยวสวิสเยอะมาก) บนเรือจะมีที่นั่งแบบธรรมดา กับแบบวีไอพีนะ จะบอกว่ามีคนแถวนี้หลงไปนั่งโซนวีไอพี ทั้งที่ตัวเองถือตั๋วธรรมดา นั่งชมทะเลสาบไปพลางคิดว่า เอ…ทำไมได้ที่นั่งดีจัง ลมเย็นสบาย เห็นวิวเกือบจะสามร้อยหกสิบองศา รอบข้างส่วนใหญ่เป็นคุณตาคุณยายมาแบบเป็นคู่ ที่ไหนได้เจ้าหน้าที่มาแจ้งว่า “คุณกำลังนั่งโซนวีไอพีนะฮะ กรุณาย้ายไปนั่งชั้นล่างด้วย” หน้าแห้งเลย ฮ่าๆ 

                เอาล่ะ ลงมาชั้นล่างแล้ว เจอเพื่อนๆ หลากหลายวัยเยอะดี ไม่เกร็งเหมือนนั่งชั้นบนแฮะ พอเจอวิวสวยๆ พวกเขาจะส่งเสียงฮือฮา เรามองไปบนฝั่งเห็นบ้านเรือนริมทะเลสาบแล้วรู้สึกอิจฉาพวกเขาจังเลยที่ได้อยู่ในประเทศที่สวยขนาดนี้ ถัดจากชุมชนเราจะเห็นไร่องุ่นประปราย เรือจะจอดทุกท่าเราก็จะมีเพื่อนใหม่ขึ้นเรือมาเรื่อยๆ ซักพักจะเห็นปราสาทกลางน้ำ และเรือก็จอดเทียบท่าที่มองเทรอซ์ในที่สุด เย้! จริงๆ กะแค่เดินเล่นในเมืองเลยไม่ได้ไปแลนด์มาร์คใดๆ (ถ้าคนมีเวลามากพอแนะนำให้ไปปราสาทชิลยอง และไร่องุ่นมรดกโลกที่เมืองลาโวซ์ นั่งรสบัสไปได้ไม่ไกล) และรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองติดแหงกอยู่ที่ตลาดเล็กๆ น่ารักริมทะเสสาบ ใกล้ๆ ท่าเรือนั่นแหล่ะ เป็นตลาดที่คนมาขายของท้องถิ่น ของแฮนด์เมคน่ารักมากมาย เดินชมเพลินจนล่วงเลยเวลา

                และแล้วทริปนั่งเรือไป Montreux ก็จบลงด้วยดี ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเดินทางจากมองเทรอซ์ต่อไป Interlaken หรือไม่ก็ไป Zermatt เมืองในหุบเขายอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย (ถึงขนาดมีป้ายแจ้งข้อมูลเป็นภาษาไทยในสถานีรถไฟ และร้านอาหารบางร้านมีเมนูอาหารภาษาไทยด้วย) ถ้ามีโอกาสจะมารีวิวทริป Zermatt นะฮะทุกคน

เครดิตภาพ: https://pixabay.com/photos/lake-mountains-landscape-montreux-3918137/