ไปเดินตะลุยหิมะที่โปแลนด์ Tatra National Park, Poland

เขาว่ากันว่าอุทยานแห่งชาติ Tatra National Park ซึ่งเป็นอุทยานที่อยู่ระหว่างชายแดน Poland และ Slovakia มี Rybi Potok Valley เป็นเส้นทางเดินเขาของชาวโปแลนด์ท้องถิ่น ข้างบนเขานั้นมีทะเลสาบ Morskie Oko (ออกเสียงว่ามอสกี้โอโกะ) คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างถิ่นนิยมมาพักผ่อนและชื่นชมธรรมชาติ จะว่าไปแล้วคงเหมือนการเดินขึ้นภูกระดึงของบ้านเรา มีผู้คนแวะเวียนไปเยี่ยมชมไม่ขาด ถึงจะเดินไกล เส้นทางทรหศแหละเหนื่อยขนาดไหน พอไปถึงบนนั้นแล้วจะหายเหนื่อยไปเลยเพราะธรรมชาติมันสวยมาก แถมยังได้เก็บช่วงเวลาแสนประทับใจในการใช้เวลาลำบากแต่สนุกสนานร่วมกันกับเพื่อน ๆ …ถ้าเช่นนั้น มาลองดูกัน ว่าเดินตะลุยหิมะ กับเดินขึ้นภูกระดึง อย่างไหนโหดกว่ากัน

Morskie Oko ตำนานเล่าว่ามันคือดวงตาแห่งทะเล

Morskie Oko เป็นทะลสาบที่อยู่บนเทือกเขา Tatra เขาบอกว่าที่นี่เป็นแหล่งชุมนุมของปลาเยอะมาก (โดยเฉพาะปลาเทราต์) โดยชื่อ Morskie oko ตรงกับภาษาอังกฤษ Sea Eye หรือ Eye of the sea เพราะทะเลสาบนี้มีจุดเชื่อมกับทะเล อาจจะผ่านทางการไหลของน้ำใต้ดิน ในช่วงเวลาปกติน้ำในทะเลสาบใส รายล้อมด้วยภูเขา และต้นไม้สีเขียวสดใส แต่ในช่วงฤดูหนาว ทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งและถูกปกคลุมด้วยหิมะ มองไปทางไหนก็มีแต่สีขาวเต็มไปหมด ซึ่งช่วงเวลาที่เราจะไปเดินเขาครั้งนี้ ก็คือช่วงที่เต็มไปด้วยหิมะนี่แหล่ะ

การเดินทาง

เมื่อจุด start อยู่ที่เมืองคราคูฟ (Krakow) การเดินทางมาที่อุทยานฯ ก็สามารถนั่งรถบัสจากสถานีเดินรถที่ คราคูฟ ไปยังเมืองซาโกปาเน (Zakopane) โดยรถบัสสายนี้มีทุก 15-30 นาที เราเลือกรอบ 07.10 น. มาถึง  ซาโกปาเน เกือบ 10 โมง ระหว่างนั่งรถมาก็เห็นทิวทัศน์ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากตึกเก่าในเมือง เริ่มเป็นท้องทุ่ง และก็…โห นั่นมันหิมะสุดลูกหูลูกตา (ไอ้ฉากหิมะที่เราเคยเห็นในหนัง Fargo กับ Hateful Eight มันเป็นแบบนี้นี่เอง) เมื่อถึงซาโกปาเนแล้ว นั่งรถตู้ต่อมาอีกประมานครึ่งชั่วโมงถึงทางเข้าอุทยาน มีค่าเข้าประมาน 1 ยูโร พอเข้ามาจะมีรถม้ารับจ้าง (แต่เราไม่นั่งรถม้านะ เพราะตั้งใจมาเดินตะลุยหิมะนี่นา) ขากลับก็เดินลงมาขึ้นรถตู้ที่หน้าอุทยาน กลับไปที่สถานีรถซาโกปาเน แล้วก็นั่งรสบัสกลับคราคูฟ การเดินทางค่อนข้างสะดวก ความจริงตอนขึ้นรถบัสเราสามารถเดินขึ้นรถแล้วจ่ายเงินกับคนขับได้เลย ไปต้องไปซื้อที่เคาน์เตอร์ก็ได้

Morskie Oko Vs ภูกะดึง
            เราจะได้เห็นว่าคนโปแลนด์เขาก็มาเดินเขาเยอะเหมือนกันนะ มากันเป็นครอบครัว มาเป็นคู่นี่เยอะมาก (เดินจับมือกัน และชอบถ่ายรูปจุ๊บปากกัน จุดจุมวิวทุกจุดที่เขาถ่ายรูปกัน เราจะได้เห็นฉากเลิฟซีนเบา ๆ แบบนี้แหล่ะ) มาเป็นแก๊งก็เยอะ ประมานว่ามาวัยรุ่นมาเป็นกลุ่มมือขวาจูงมือแฟนสาว มือซ้ายถือขวดเบียร์ (เริ่มเหมือนภูกระดึงแล้วไหมล่ะ) ที่นี่มีจุดพักประมาณ 7 จุด เป็นจุดถ่ายรูปและมีห้องน้ำบริการ ภูกระดึงก็มีจุดพักเป็น “ซำ” หลายซำ แต่ต่างกันตรงที่มอสกี้โอโกะไม่มีของขาย มีจุดเกือบจะสุดท้ายที่เป็นจุดพักใหญ่จุดเดียวที่มีร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม

ทางที่เราเดินขึ้นมาเป็นหิมะ และพอหิมะผ่านการเดินเหยียบย่ำจะแข็งลื่นมาก ก็จะได้เห็นคนล้มคนลื่นเป็นระยะ เหนื่อยมากกว่าจะถึงจุดหมายที่เป็นทะเลสาบ ตรงหน้าทะเลสาบมีร้านอาหาร คนที่มาเป็นครอบครัวก็จะพากันกินขนมปัง แซนด์วิช ขนมที่เตรียมมากันตรงนี้ เป็นภาพที่น่ารักดี แต่จะบอกว่าข้างบนนี้หนาวมาก หนาวจนหน้าชา มือชา ขาชาไปหมด มองลงไปจะเห็นทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็งและมีหิมะเต็มไปหมด

สวยและประทับใจมากเลย ถือว่าเป็นสถานที่เที่ยวที่คนไทยยังไม่ค่อยนิยมไปกันเท่าไหร่นัก แนะนำว่าถ้ามาเที่ยวโปแลนด์ แล้วมีเวลาหลายวันหน่อย ลองแบ่งเวลาไว้มาที่นี่ซักวัน จะได้ฟีลลิ่งการเที่ยวแบบลุย ๆ เจอธรรมชาติสวย ๆ ที่สำคัญคือมีเพื่อนร่วมทางเยอะมาก เวลามีคนเลื่อนหิมะ จะมีคนมาช่วยดึงช่วยลาก ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งตอนไปภูกระดึงก็มีแบบนี้ ถือว่าเป็นการเที่ยวในสถานที่ต่างกัน แต่ให้ความรู้สึกประทับใจเหมือนกัน